ศาลอนุญาตให้ ประกันตัว อัญชะลี ไพรีรัก พร้อมกับจำเลยอีก 3 คน หลังถูกตัดสินจำคุกเป็นระยะเวลา 1 ปี จากเหตุการณ์บุกรุก NBT เมื่อปี 51 จากที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก อัญชะลี ไพรีรัก ผู้ประกาศข่าวช่อง Top News พร้อมกับ นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที แนวร่วม พธม. และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล น้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. เป็นระยะเวลา 1 ปี จากข้อหาบุกรุก NBT เมื่อ 2551 นั้น
ล่าสุด ศาลฯ ให้ ประกันตัว อัญชะลี ไพรีรัก และพวกคนละ 200,000 บาท ระหว่างฎีกา โดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไข
ส่วน นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จำเลยที่ 1 ที่โดนตัดสินพิพากษาจำคุก 2 ปี เสียชีวิตในช่วงปี 2564 คำฟ้องโจทก์ระบุพฤติการณ์ได้ระบุถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 25-26 ส.ค.2551 ว่า จำเลยทั้งห้ากับพวก 85 คน ที่ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษแล้ว ร่วมกันกระทำความผิดเป็นซ่องโจร มั่วสุมก่อการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยร่วมกันเดินขบวนในถนนสาธารณะจากบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ และจากที่อื่นๆ โดยมีอาวุธปืน มีด ขวาน ไม้กอล์ฟ ไม้ท่อน หนังสติ๊ก ลูกเหล็ก แล้วร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบริเวณและอาคารสำนักงานสถานีเอ็นบีที ทุบทำลายประตูหน้าต่าง ตัดสายไฟฟ้าตู้ควบคุมระบบไฟฟ้า ระบบโทรศัพท์ ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบกล้องวงจรปิด
ทำลายระบบส่งสัญญาณการออกอากาศวิทยุโทรทัศน์ และร่วมกันข่มขืนใจพนักงานไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ออกอากาศและกระจายเสียง และสั่งให้ออกไปจากอาคารสถานี โดยจำเลยทั้งห้าเป็นหัวหน้าและเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิด อันเป็นความผิดฐานร่วมกันเป็นซ่องโจร ฐานร่วมกันทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ฐานร่วมกันบุกรุก และฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210, 215, 309, 358, 364 และ 365 จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว
ชัยวุฒิ เผย ดีอีเอส กำลังรวบรวมหลักฐานขอศาลปิดกั้นโฆษณาไม่เหมาะสม LAZADA ทุกช่องทาง วอนต่างชาติเข้าใจว่าคนไทยไม่เห็นด้วยกับสิ่งไม่เหมาะสม นาย ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ LAZADA แอปขายของชื่อดังได้เผยแพร่โฆษณาที่ไม่เหมาะสม จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
ว่าในขณะนี้ทางดีอีเอส ได้รวบรวมพยานหลักฐานร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อขอคำสั่งศาลให้ขอปิดกั้นโฆษณาดังกล่าว ผ่านทางที่มีการแชร์ ข้อมูล บนสื่อออนไลน์ทั้งหมด รวมทั้งทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก
ซึ่งหากแพลตฟอร์มดังกล่าวทราบถึงการกระทำความผิดก็สามารถที่จะปิดเองได้อยู่แล้ว เพราะหากไม่ปิดก็จะทำให้กลายเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หากดำเนินการก็ถือว่าไม่เป็นผู้ร่วมกระทำความผิด
นาย ชัยวุฒิ ยังได้กล่าวอีกว่า ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดขณะนี้คือบริษัทโฆษณา รวมถึงผู้ที่อยู่ในวงการประชาสัมพันธ์ โฆษณาต่างๆ ต้องมีจรรยาบรรณสมาคมวิชาชีพกำกับดูแล ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยว่าการโฆษณาประชาสัมพันธ์จะต้องทำอย่างถูกกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรม หรือทำให้สังคมเกิดความรู้สึกไม่ดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องกำกับดูแลร่วมกัน หากกระทำความผิด สุดท้ายก็จะทำให้ธุรกิจของตนเองได้รับความเสียหายไปเอง
‘ทูตนอกแถว’ เตือน กองทัพบกแบนลาซาด้า ระวังเจอฟ้องกลับ
ทูตนอกแถว ออกโรงเตือน หลัง กองทัพบกแบนลาซาด้า ระวังเจอฟ้องกลับ เพราะอาจเข้าข่ายกีดกันและเลือกปฏิบัติต่อบริษัทเอกชน นายรัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตไทย โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก แสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีที่กองทัพบกออกคำสั่งห้ามไม่ให้ทุกหน่วยทหารหรือกิจการใดๆภายใต้กองทัพบก ใช้บริการลาซาด้า หลังจากที่ทางกองทัพบกแบนลาซาด้า เพื่อแสดงความไม่พอใจ ต่อโฆษณาที่มี นาราเครปกระเทย อินฟลูเอนเซอร์ มาร่วมโปรโมต จนทำให้หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในการล้อเลียนบุคคลพิการและตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการพาดพิงเบื้องสูง
โดย ทูตนอกแถว ระบุว่า “เมื่อวานโพสต์กรณีลาซาด้าแบบขำๆไป ซึ่งเรื่องนี้มันมีอะไรที่ทั้งตลกและผิดอยู่หลายเด้ง โดยเฉพาะการห้ามไม่ให้ลาซาด้ามาส่งสินค้าในค่าย ทั้งๆที่ปกติลาซาด้าก็ไม่ค่อยส่งของเองอยู่แล้ว แต่อันที่จริง มันมีเรื่องที่น่าขบคิดกว่านั้น ที่เป็นประเด็นจริงจังที่อยากเอามาคุยเพิ่มเติม
(ที่ในภาษาอังกฤษมักใช้ขึ้นประโยคด้วยคำว่า On a serious note นะครับ)
ประเด็นมันมีอยู่ว่าคำสั่งห้ามส่งสินค้าลาซาด้าภายในค่ายทหารนี้ จริงๆมันถูกต้องเพียงใด? เพราะทหารก็เป็นข้าราชการที่ไม่สามารถเลือกปฎิบัติต่อบริษัทห้างร้านภาคเอกชนได้ ในเมื่อยังไม่มีคำสั่งศาลใดๆด้วยซ้ำว่าลาซาด้ามีความผิดอะไร? การทำเช่นนี้มันจึงเข้าข่ายการกีดกัน เลือกปฏิบัติต่อบริษัทเอกชน หรือเท่ากับเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อแพลตฟอร์มบริษัทเอกชนอื่นที่ทำธุรกิจเช่นเดียวกัน หรือไม่?
ที่สำคัญกองทัพไม่ใช่บริษัทหรือองค์กรส่วนบุคคลของใคร การห้ามเช่นนี้จึงมีคำถามตามมาว่ามีความชอบด้วยกฎหมายมากน้อยเพียงใด? ถ้าเขาฟ้องขึ้นมาจะหงายเก๋ง ต้องมีผู้รับผิดชอบหรือไม่?
ทุกวันนี้ บ้านเมืองเราชอบมีคนนึกว่าหน่วยงานราชการเป็นของๆตัวเอง อย่างที่วันก่อนกระทรวงต่างประเทศก็มาเที่ยวออกแถลงการณ์ในสิ่งที่มันควรเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้บริหารเอง แต่เอากลับเอาชื่อกระทรวงมาใช้ ทำให้หลายสิ่งแลดูผิดเพี้ยนไปหมด
และก็จะรอดูว่าบรรดานักรัองทั้งหลาย ที่ชอบร้องเรียนเรื่องโน้นเรื่องนี้กันนัก ว่าจะมีใครแน่จริงออกมาร้องเรื่องนี้กันบ้างไหมนะครับ?”
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป